เมื่อได้ยินชื่อร้าน “nahm” (น้ำ) จะได้ยิน ชื่อ Chef David Thompson ตามมาเหมือนเป็นของคู่กัน
nahm เป็นร้านอาหารไทย เปิดครั้งแรก ดือน กรกฎาคม 2001 ที่ Halkin Hotel London และได้เป็นร้านอาหารไทย ร้านเดียวที่ได้ Michelin star โดย Chef David Thompson ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้อาหารไทย เป็นที่แพร่หลายและยอมรับให้วงการนักกินไปทั่วโลกเลยทีเดียว
คุณเดวิด ยังเขียนหนังสือ ชื่ออาหารไทย(Thai Food) ซึ่งได้รับอีกหลายรางวัลด้วยเช่นกัน ถ้าใครไปร้านหนังสือลองหยิบเล่มนี้ขึ้นมาดูนะคะ เห็นแล้วจะทึ่ง ในความรัก ความศรัทธา ที่คุณเดวิด มีให้กับทุกสิ่ง ทุกอย่งอย่างที่เกี่ยวกับ อาหารไทย และ วัฒนธรรมการกินของคนไทย
เนื้อหาของหนังสือ เริ่มตั้งแต่ประศาสตร์และการพัฒนาการอาหารไทย ซึ่งรวมไปถึงสังคมและวัฒนธรรม พื้นฐานในการทำอาหารไทย อุปกรณ์ กรรมวิธี ตลอดจน แนะนำ วัตถุเกือบทั้งหมดในการปรุงอาหารไทย มีการจัดหมวดหมู่ พร้อมสูตรอาหาร และ ประวัติความเป็นมาอีกด้วย อันนี้ขอยกนิ้วทั้งใจเลย จะมีสักกี่คนที่รวบรวม ค้นคว้าได้ลึกซึ้งขนาดนี้
และเมื่อปลายปีที่แล้ว ร้าน nahm เข้ามาเปิดสาขาในเมืองไทย ที่ Metropolitan ถ.สาธรใต้ เปิดบริการเฉพาะตอนค่ำ การตกแต่งร้านดูอบอุ่น เป็นแนวร่วมสมัย ใช้สี และ ไม้ในการสื่ออารมณ์ มารู้ตอนหลังว่า นักออกแบบตกแต่งภายในป็นชาวญี่ปุ่นชื่อ KOnichiro Ikebuchi และใช้ดอกกล้วยประดับตกแต่งเพิ่มชีวิตชีวาในร้าน
พนักงานบริการ กระตือรือร้นในการตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ได้เป็นอย่างดี มีการแนะนำเมนู และ เมื่อนำอาหารมาเสริฟ จะแนะนำและอธิบายถึงส่วนประผสม และ วิธีการทำได้อย่างคล่องแคล่ว
เมนูที่นี่ สามารถเลือกสั่งเป็น A La Carte หรือ Dinner Set เพราะมากันสองคน กับเพื่อนอ้น ถ้าสั่งเป็น A la Cart ราคาต่อจานค่อนข้างสูงมาก และจะได้กินอาหารไม่มากอย่างอีกด้วย ราคา Dinner Set อยู่ที่ 1500++ / คน จะเสิร์ฟเป็น Course เริ่มด้วย Appetizer, Main Dishes ซึ่งจะมีให้เลือกตามประเภทอาหาร ซุป ยำ เครื่องจิ้ม แกงและ ผัด อย่างละจาน ยกเว้นซุปให้เลือกได้คนละอย่าง อาหารจานหลักนอกนั้นจะมาพร้อมกัน เป็นการกินร่วมกัน แบบ family style ปริมาณอาหารจัดมามากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนคน ฉะนั้นการสั่งอาหารหลักนั้น จึงต้องตัดสินใจด้วยกัน.....
ในที่สุดเราก็ตกลงกันได้แล้วว่าอาหารจานหลักค่ำคืนนี้เราจะกินอะไรกัน ซุป เราสั่ง แกงจืดเป็ดย่าง ของเพื่อนอ้น จะเป็น ต้มโคล้ง แล้วก็ ยำตะไคร้ หลนปลาร้า แกงไตปลา ผัดผักเต้าหู้ ส่วน ขนมหวาน อ้นเลือกเป็น ข้าวเหนียวดำเปียกลำใยมะพร้าวอ่อน เราเลือก สาคู ที่มีปากริมและฟักทองเชื่อม จริงๆแล้วก็ไม่รู้ว่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร เพราะในเมนูไม่มีรูปให้ดู คิดแต่ว่ามันต้องอร่อยเป็นแน่....
เริ่มกันเลยกับ Appetizer :
ม้าฮ่อ จัดมาพอดีคำ และ พอดีคน 2 ชิ้น ในจานกลมลายไม้สีแดงเลือดหมู ม้าฮ่อ เป็นของว่างไทยโบราณ มีส่วนประกอบ คือ หมูสับ กุ้งสับ ถั่วคั่ว น้ำตาลปี๊บ ปั้นเป็นก้อน กินกับผลไม้รสเปรี้ยว เช่นสับปะรด รสชาดจะออก หวาน เปรี้ยว(ผลไม้)
หมี่กรอบ และ น้ำพริกหนุ่ม มาแบบรับประทานเป็นคำ ชิ้นน่ารัก ในจานสีขาว ในชิ้นของน้ำพริกหนุ่มจะมีชิ้นไข่นกกระทาและแคบหมู ออกแบบการจัดวางมาอย่างดี ส่วนชิ้นหมี่กรอบนั้น ก็มีกุ้งวางเป็นพระเอก้อยู่ด้านบน
หอยแมลงภู่ในไม้สเต๊ะ จานนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร เขาเอาหอยแมลงภู่ หมักกับ เครื่องแกง ของชาวมุสลิม ที่มีถั่วลิสงเป็นส่วนประกอบ มาในแบบหมูสเต๊ะ รับประทานกับแตงกวาฝานบางๆที่เสริฟคู่กันมา
หลังจากนี้เราก็มารับประทานอาหารจานหลัก Main Dish กันเลยละกัน เริ่มด้วย:
แกงจืดเป็ดอย่าง น้ำซุปจะผสมน้ำมะพร้าวอ่อน และใส่ห็ดหอม และผักใบเขียวซึ่งดูชิ้นใหญ่ไปนิดนึง แต่ ส่วนผสม รสชาติลงตัว เข้ากันดี
ยำตะไคร้ ตะไคร้ซอยบาง เคล้า ด้วยเกลือ หมู และกุ้งย่าง โรยหน้าด้วย มะพร้าวคั่ว และ ปลาหมึกกรอบ ทำให้มีความหอม รสชาติ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด พอดี อร่อยลงตัวด้วยความผสมผสานของ ส่วนผสมประกอบ ทั้งรสชาติ และ ผิวสัมผัส
หลนปลาร้า เป็นเครื่องจิ้ม เสิร์ฟพร้อมผักเคียง
แกงไตปลา ใส่กุ้งและปลากรอบเค็มด้วย เสิร์ฟมากับเครื่องเคียงในจานโตเท่ากัน เครื่องเคียงนั้น ทำจากสับปะรด ขนุนอ่อน มะเฟือง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกะทิ รสออกหวานอมเปรี้ยว ซึ่งเมื่อกินไตปลาแล้วจะกลมกล่อม กินกับผักแนมที่เสิร์ฟมาด้วยอีกจาน มี ขมิ้นขาว ชมพู่นาก มะเฟือง สะตอ และ พริกไทยสด
ผัดผักกุ้งและเต้าหู้ จานนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากเท่าไหร่ มีเต้าหู้ และ กุ้ง เป็นสไตล์จีนมากกว่า เสิร์ฟมาไม่ค่อยร้อน
แอบผิดหวังนิดหน่อย สำหรับ เรื่องความร้อนของอาหารจานหลัก โดยเฉพาะซุป และผัดผัก ถ้าเสิร์ฟแบบร้อนได้ น่าจะอร่อยกว่านี้ แต่เราไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจของ Chef David หรือเปล่า อยากจะถามเชฟ แต่ช่วงที่เราไปเชฟไม่อยู่ ส่วน presentation ของอาหารจานหลัก ไม่ค่อยสวยงาม หรือ ปราณีต เท่า Appetizer อันนี้ดูได้จากในรูป เราว่าการจัดรูปแบบการจัดจานน่าจะทำได้มากกว่านี้ ส่วนการตกแต่งผักและผลไม้เคียงน่าจะมีการแกะสลักบ้างให้ดูสวยงามขึ้น
ก่อนที่จะกิน ขนมกัน ทางร้าน จะเสิร์ฟ ชมพู่ เกลือ น้ำตาล เพื่อล้างปาก ก่อนกินของหวานกัน
ข้าวเหนียวดำเปียกลำใยมะพร้าวอ่อน มาพร้อม เผือกรังนกอีก ถ้วยที่เราสั่งนั้น ไม่รู้ชื่อทางการว่าอย่างไร ประกอบไปด้วย
สาคู ปากริมกวาน ปากริมเค็ม ฟักทองเชื่อม ขนมไข่นกกระทา มีมะพร้าวขูดอ่อน วางอยู่ด้านบน และ แต่งจาน ด้วยกลีบกุกลาบสีแดง
ของหวาน ที่เสิร์ฟมาทั้งสองถ้วยนี้ น่าประทับใจมาก ทั้งรสชาติ และ ความลงตัวที่จับคู่กันมา สามารถสัมผัสได้ถึง ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจในส่วนผสมของขนมไทยที่เชฟมีเป็นอย่างดี
ทางร้าน ยังเสิร์ฟขนมที่กินกับชา และ กาแฟ มาอีก 4 อย่าง 4 ชิ้น น่ารัก คือ หนุมานคลุกฝุ่น ทองเอก ขนมหน้านวล และกล้วยไข่กระยาสารท ตอนเสิร์ฟพนักงานก็เข้ามาแนะนำชื่อขนม ส่วนประกอบ และวิธีทำให้อีกด้วย
คืนนี้เป็นประสบการณ์ที่ดี ได้มาสัมผัสความเป็นไทยในโลกของฝรั่ง ที่มีความรักอาหารไทย และ มารู้ทีหลังว่า ร้าน nahm มีเชฟขนมหวานเฉพาะของร้านเอง ชื่อ คุณฟทนงศักดิ์ ยอดหวาย ซึ่งเป็น Dessert Chef และ Life Partner ของคุณเดวิด ซึ่งเป็นผู้จุดประกาย และ มีอิทธิพลอย่างยิ่ง ที่ทำให้คุณเดวิด สนใจอาหารไทย และวัฒนธรรมอาหารของคนไทย จนมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก .... ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ค่ะ
Rrin Rrin
FB: RRIN in The Kitchen www.HOMEiamCooking.com
*************************************************** Nahm Restaurant
Metropolitan Bangkok
27 South Sathorn , Sathorn, Bangkok
Tel 02-6253388
open : For Dinner Only
|