ผ่านไปหลายปี หลายสิ่งของ LEE cafe’ เปลี่ยนไปจากที่วางไว้ สิ่งที่ชี้ชัดได้อย่างหนึ่งก็คือ ความไม่เข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ของผู้บริหารคนก่อน ส่งผลให้การทำงานของพนักงานและ ลูกค้าเกิดความสับสนในความต่างของแบรนด์ LEE cafe กับ LEE KITCHEN ที่เป็นแบรนด์ ต้นกำเนิด
การกลับมาคราวนี้ เพื่อมาวางรากฐานและกำหนดทางเดินขององค์กรโดยรวม หรือเรียกกันในภาษาทางการว่า Business Strategy การทำงานครั้งนี้ไม่ยากนัก เพราะ LEE KITCHEN เป็นแบรนด์ที่เราโตมาพร้อมกับเขา ส่วน LEE cafe’ เป็นแบรนด์ที่เราก่อตั้งขึ้นมา ส่วนที่ยากคือการทำให้ผู้บริหารเข้าใจ และสามารถสื่อการทำงานลงไปในส่วนของพนักงานทั้งหน้าร้านและหลังร้าน และจากนั้นจะลดความสับสนของลูกค้า และความคาดหวังที่มีต่อแบรนด์จะตรงกัน และนำองค์ความรู้ในเรื่อง IMC ( Integrated Marketing Communications) มาใช้ในการทำงานครั้งนี้อีกด้วย
LEE KITCHEN: Fine Dining Chinese Restaurant : Celebratory Restaurant For Families and Business Dining ลี คิทเช่น เป็นภัตตราคารจีนที่มีขายทั้งหูฉลาม เห็ดเป๋าฮื้อ มีอาหารตั้งแต่ Dim Sum - A la Cart - Lunch Menu - Menu Set อาหารที่ทำขึ้นแต่ละจานจะเป็นแบบ A la minute คือ สั่งแล้วค่อยปรุง ขั้นตอนการทำมีความละเอียดอ่อนและใช้เวลาค่อนข้างมาก ฉะนั้นลูกค้าที่มาใช้บริการจะมาแบบไม่รีบร้อน ใช้เวลาหลายชั่วโมงในร้านกับคนที่มาด้วย ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัว มาในวันพิเศษ หรือมาในนามบริษัท เพื่อการสังสรรค์ หรือคุยธุรกิจ
LEE cafe:Causal Restaurant : Innovative Cross-Cultural Fare ถึงแม้ ลี คาเฟ่ จะมีเชื้อสายจีน แต่โดยรวมแล้ว ลี คาเฟ่ มีอาหารที่หลากหลาย ทั้ง จีน ไทย ฝรั่ง สูตรอาหาร แน่นอนว่ามาจาก Mr. LEE ผู้ก่อตั้ง LEE KITCHEN ซึ่งมีประสบการณ์ทางด้านโรงแรมหลายสิบปีและความสามารถทางการทำอาหารทั้งตะวันออกและตะวันตก จน Chef McDang เคยพูดว่า "Mr. LEE รู้จักอาหารหลายอย่าง และเป็นผู้หนึ่งที่ทำอาหาร ฟิวชั่น ได้เก่ง" อย่างที่บอกไว้ข้างต้น LEE Cafe ออกแบบมาเพื่อ Metro Life Style เวลาการทำอาหารจะต้องกระชับ การเปิดร้านในห้างสรรพสินค้ามีการบ้านที่ต้องทำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎและข้อจำกัดของพื้นที่ในแต่ละแห่ง ค่าเช่า และเงินลงทุน และการมีหลายสาขา ทำให้ต้องเน้นการเทรนนิ่ง ทั้งพนักงานในครัวและหน้าร้าน เพื่อให้ได้อาหารและบริการที่เป็นมาตราฐาน โดยมีครัวกลาง เป็นศูนย์กลางของระบบ
การให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง สิ่งที่ทำให้วิตกอยู่เสมอคือ ความเข้าใจของนักข่าว แต่เราจะรู้ว่าเขาเข้าใจเพียงใดก็ต่อเมื่อข่าวนั้นได้ออกสื่อแล้วเรียบร้อย ครั้งนี้ก็เช่นกัน ก็มีลงผิดพลาดบ้างเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่อง A La minute แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ครบ เอาเป็นว่าไม่เป็นไร เพราะศัพท์คำนี้ คนที่อยู่ในวงการอาหารหลายคนในเมืองไทยก็ยังไม่รู้จัก